หน้าแรก / บทความที่น่าสนใจ
หากพูดถึงกรรมวิธีในการทำอาหารอย่างต้ม ผัด แกง ทอด หลายต่อหลายคนต่างยกให้การทอดเป็นสิ่งที่ดีต่อใจมากที่สุด แต่ก็มีคำกล่าวว่าของที่อร่อยมักผิดต่อร่างกายเสมอ ยิ่งของทอดนี่ไม่ต้องพูดถึง ทั้งไขมัน ทั้งแคลอรี่ มากมายเสียเหลือเกิน แต่ด้วยความอร่อยหลายคนเลยคิดว่าเปลี่ยนไปใช้หม้อทอดไร้น้ำมัน หรือ หม้อทอดลมร้อน สุดสะดวกไม่ต้องใช้น้ำมัน จะทำให้การกินของทอดของเราไม่รู้สึกผิด และไม่เสียเรื่องสุขภาพแน่ๆ ซึ่งจริงๆแล้วความคิดนี้นั้นถูกต้องหรือเปล่า
พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล หรือ หมอผิง ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและเวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ได้ออกมาระบุถึงข้อดี ข้อเสีย ของหม้อทอดไร้น้ำมัน ในเฟซบุ๊ก Pleasehealth Books เอาไว้ดังนี้
ข้อดีของหม้อทอดไร้น้ำมัน
หม้อทอดไร้น้ำมัน ทำอาหารให้สุกโดยการเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นลมร้อน จึงไม่ต้องใช้น้ำมันมากเหมือนการทอดกระทะ ดังนั้น อาหารทอดที่ทอดด้วยหม้อทอดไร้น้ำมันจึงให้พลังงานต่ำกว่า เป็นพลังงานจากไขมันน้อยกว่าการทอดแบบปกติ นอกจากนี้ เมื่อน้ำมันถูกนำมาทอดความร้อนสูง จะเกิดสารก่อมะเร็งที่ชื่อ Acrylamide การใช้หม้อทอดไร้น้ำมันจึงลดความเสี่ยงต่อการรับสารก่อมะเร็งชนิดนี้
ข้อเสียของหม้อทอดไร้น้ำมัน
ตามทฤษฎีแล้ว เมื่อเนื้อสัตว์ถูกนำมาผ่านความร้อนสูง ไม่ว่าจะใช้น้ำมันหรือไม่ก็ตาม จะมีสารก่อมะเร็งคือ Heterocyclic amines และ Polycyclic aromatic hydrocarbons เกิดขึ้นได้ ดังนั้น การทำอาหารด้วยหม้อทอดไร้น้ำมันอาจจะยังมีความเสี่ยงต่อสารก่อมะเร็งเหล่านี้อยู่
หม้อทอดไร้น้ำมัน ดีต่อสุขภาพจริงหรือ?
นอกจากความเสี่ยงต่อสารก่อมะเร็งที่ยังคงอยู่แล้ว หลายคนยังอาจเข้าใจผิดว่า อาหารที่ทอดด้วยหม้อทอดไร้น้ำมันจะเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ โดยไม่มีความเสี่ยงใดๆ และส่งผลให้รับประทานอาหารทอดมากกว่าเดิม หรือเปลี่ยนพฤติกรรมจากคนไม่รับประทานของทอด หันมารับประทานของทอด ก็จะเป็นผลเสียต่อสุขภาพได้
หม้อทอดไร้น้ำมัน เหมาะกับใคร?
สำหรับคนชอบทานของทอดมากๆ และมีความกังวลเรื่องน้ำหนัก หม้อทอดไร้น้ำมันเป็นตัวช่วยหนึ่ง ในการลดปริมาณแคลอรี่ในอาหารลงได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบในเชิงพลังงานและความเสี่ยงต่อสารก่อมะเร็งที่อาจเกิดขึ้น การนึ่ง ยำ ตุ๋น หรือต้ม ยังคงเป็นวิธีทำอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากกว่าการทอด
สรุปว่าจะซื้อหม้อทอดไร้น้ำมันมาใช้ดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการซื้อ ความรักในของทอด และกำลังทรัพย์ของแต่ละคน
ที่มา :พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล (หมอผิง)